19 มีนาคม 2552

คาดส่งออกปี 52 ลดลง

คาดส่งออกปี 52 ลดลงร้อยละ 13.5-20

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดส่งออกปี 52 ลดลงร้อยละ 13.5-20 แนะผู้ประกอบการปรับแผนรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย


บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า การส่งออกของไทยในเดือน ก.พ. 2552 มีมูลค่า 11,736 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 11.3 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่หากไม่นับรวมทองคำ ซึ่งไม่ใช่รายการที่สะท้อนความสามารถในการส่งออกที่แท้จริงของไทย พบว่าหดตัวร้อยละ 24.6 ยังหดตัวสูงต่อเนื่องจากเดือน ม.ค. ที่การส่งออกไม่รวมทองคำหดตัวร้อยละ 30 และศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกจะยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยของโลกที่มีแนวโน้ม รุนแรงขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ในเดือนก่อน โดยการส่งออกของไทยอาจจะยังหดตัวสูงในระดับประมาณร้อยละ 20 ต่อเนื่องไปจนถึงปลายไตรมาสที่ 2 ขณะที่แนวโน้มในครึ่งปีหลังยังคงขึ้นอยู่กับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภูมิภาคหลักของโลก ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2552 อาจจะลดลงประมาณร้อยละ 13.5-20 จากปีก่อนหน้า

สำหรับการปรับตัวของธุรกิจส่งออก ผู้ประกอบการควรเตรียมแผนรับมือในกรณีสถานการณ์เลวร้ายที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ของโลกอาจจะยิ่งรุนแรงและยาวนาน ในด้านการตลาด ควรศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดประเทศต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจซบเซา เพื่อปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด และควรประเมินทิศทางตลาดอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเหตุการณ์เศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านการเงิน โดยเฉพาะในด้านสภาพคล่อง และการบริหารต้นทุนอย่างรัดกุม เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอดในสภาวะที่ยากลำบากนี้

ประเด็นที่ควรติดตาม คือ ทิศทางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ ซึ่งผู้ประกอบการในบางธุรกิจอาจมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายเม็ดเงิน ในโครงการเหล่านั้น ขณะเดียวกัน อาจมองหาโอกาสในตลาดใหม่ที่ยังมีศักยภาพเติบโต โดยประเทศในภูมิภาคที่ยังมีการขยายตัวในเกณฑ์ที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ คือ จีนและอินเดีย

แม้ในขณะนี้การส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนและอินเดียจะยังคงหดตัว แต่ทั้งสองประเทศเป็นประเทศที่น่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกน้อย กว่าประเทศก้าวหน้าอื่น ๆ รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน โดยเฉพาะจีน ซึ่งมีการคาดหมายว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี จากผลของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน และรัฐบาลจีนยังกล่าวว่า พร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมทุกเมื่อ หากมีความจำเป็น เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ร้อยละ 8 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จีนจะก้าวแซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐได้ภายในปี 2553

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4